ประโยชน์ชองผักคะน้า
คะน้ามีวิตามินหลายชนิด เช่น
เบต้าแคโรทีน 186.92 ไมโครกรัม/100 กรัม
ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด
และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และยังมีวิตามินซีช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อให้ชุ่มชื้น
และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคมีความแข็งแรงสมบูรณ์
นอกจากนี้ยังมีแคลเซี่ยมช่วยเสริมสร้างกระดูก
คะน้ามีสารต้านอนุมูลอิสระ
คือวิตามินซีและเบต้า-แคโรทีน
ซึ่งร่างการจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอที่มีผลต่อการบำรุงสายตา
เสริมสร้างสุขภาพผิวพรรณและต้านทานการติดเชื้อ คะน้าให้โฟเลตและธาตุเหล็กสูง
ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง
คุณค่าทางอาหาร
คะน้า 100กรัม ให้พลังงาน 31
กิโลเคลอรี ประกอบด้วยน้ำ 92.1 กรัม โปรตีน 2.7 กรัม ไขมัน 0.5 กรัม คาร์โบไฮเดรต
3.8 กรัม เส้นใย 1.6 กรัม แคลเซียม 245 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 80 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก
1.2 มิลลิกรัม เบต้า-แคโรทีน 2,512 ไมโครกรัม วิตามินเอ 419 iu. วิตามินบี1 0.05 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.08 มิลลิกรัม ไนอะซิน 1.0
มิลลิกรัม วิตามินซี 147 มิลลิกรัม
ข้อควรระวัง
ในผักคะนั้นในพบ สารกอยโตรเจน (goitrogen) ซึ่งบริโภคมาก ๆ จะทำให้ท้องอืด
การลงทุนและการตลาด
เงินลงทุน : ประมาณ 20,000 บาท/3 ไร่ (ค่าเมล็ดพันธุ์ลิตรละ 100 บาท พื้นที่ 3 ไร่ใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 1,000 บาท ค่าปุ๋ย –
ค่ายาฆ่าแมลงประมาณ 5,000 บาท)
รายได้ : ประมาณ 30,000 – 40,000 บาท/3 ไร่
วัสดุ/อุปกรณ์ : ที่ดิน เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย จอบ ยาฆ่าแมลง
เครื่องสูบน้ำ มอเตอร์ สายยาง
แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ :
ร้านจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับการเกษตรทั่วไป
ตลาด/แหล่งจำหน่าย : ตลาดสด แหล่งชุมชน
ขายส่งร้านขายผักหรือร้านอาหาร
สถานที่ให้คำปรึกษา : 1. กองส่งเสริมพืช กรมส่งเสริมการเกษตร โทร. 0 –2561-4879
2. สำนักงานเกษตรจังหวัดและอำเภอ
ข้อแนะนำ :
1.
ปลูกผักคะน้าสลับกับการปลูกพริกก็ได้ ทำให้สามารถสร้างรายได้ตลอดทั้งปี
2. ข้อควรระวังในการปลูกคะน้าก็คือ
ตัวหนอน เพราะหนอนจะกัดกินใบเสียหายต้องคอยดูแลพอเห็นมีหนอนก็ต้องฉีดยาป้องกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น